สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
5 เดือน = 20 wk ? ถ้ายังไม่เกิน ยังยุติการตั้งครรภ์ได้นิครับ ถ้าเกินก็ทำใจ ไม่มีทางเลือกนอกจากเก็บเด็กไว้
แฟนฝันถึงอนาคต แต่ไม่มองปัจจุบัน ตอนนี้เงินยังไม่พอค่าใช้จ่าย ทำธุรกิจ ใช่ว่าจะได้เงินทันที บางอย่างต้องใช้เวลาเป็นปี ถ้าไปไม่รอด ก็ขาดทุน คุณยังเจอพ่อ แม่อยู่ ถ้าท้องโตกว่านี้ ก็คงจะปิดไม่ได้หรอกครับ
ค่อย ๆ คิด ตัดสินใจในสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ คุณเป็นคนที่ต้องแบกรับภาระทั้งหมด เรียน เลี้ยงลูก ถ้าเรียนแพทย์ ตอนขึ้นวอร์ด อยู่เวร จะเลี้ยงลูกยังไง จ้างพี่เลี้ยงเต็มเวลาเหรอ ไว้ใจได้แค่ไหนถ้าไม่อยู่ด้วย ค่าใช้จ่ายละ ตอนนี้ คงต้องยอมรับความจริง บอกพ่อแม่ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ถ้าพ่อให้เลิก ก็ลองคุยดูว่าอยากให้หลานเป็นเด็กไม่มีพ่อเหรอ อาจจะยอมใจอ่อน แต่ก็คงโกรธกันนาน เวลาช่วยได้ทุกอย่างครับ
ปล ขอแรง ๆ นะ ปกติไม่ค่อยอยากตอบเชิงลบ
แฟนคุณใช้ไม่ได้เลย คิดว่าเก่ง คิดว่าแน่ ไม่ยอมให้เอาเด็กออก แต่ไม่มีความสามารถที่จะเลี้ยงดู ฝันเฟื่ยงถึงเงินที่ยังหาไม่ได้ ไม่เคารพการตัดสินใจของคุณ ไม่รับรู้ถึงความเครียดของคุณเลย แทนที่จะช่วยกันหาทางออก กลับจะเอาแต่ได้ แต่รับผิดชอบไม่ไหว จะมาทะเลาะกับคุณทำไม ไม่ได้เรื่อง ความเห็นส่วนตัว ถ้าผมเจอแบบนี้ ต้องรับความจริง บอกพ่อแม่ให้รับทราบ ช่วยกันหาทางออกในการเลี้ยงเด็ก คุณอาจจะดรอป 1 ปีก่อน แล้วค่อยมาเรียน หรือลาคลอดถ้าอาจารย์ยอม แล้วมาเรียนชดเชยทีหลัง ให้พ่อแม่ช่วยเลี้ยงช่วงที่เรียนหนัก ส่วนพ่อดุคงต้องทำใจยอมรับที่ท่านจะดุ อาจจะต้องยอมท่านไปก่อน ถ้ายังไม่อยากเลิกกับแฟน ก็ค่อย ๆ หาทางตะล่อมเอาหลานมาเป็นข้ออ้าง และแฟนคุณ ก็ควรจะต้องไปพบพ่อแม่คุณเพื่อแสดงความจริงใจด้วย ไม่ใช่กลัวจนหลบหน้า กล้าทำ ก็ต้องกล้ารับ ครับ
แฟนฝันถึงอนาคต แต่ไม่มองปัจจุบัน ตอนนี้เงินยังไม่พอค่าใช้จ่าย ทำธุรกิจ ใช่ว่าจะได้เงินทันที บางอย่างต้องใช้เวลาเป็นปี ถ้าไปไม่รอด ก็ขาดทุน คุณยังเจอพ่อ แม่อยู่ ถ้าท้องโตกว่านี้ ก็คงจะปิดไม่ได้หรอกครับ
ค่อย ๆ คิด ตัดสินใจในสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ คุณเป็นคนที่ต้องแบกรับภาระทั้งหมด เรียน เลี้ยงลูก ถ้าเรียนแพทย์ ตอนขึ้นวอร์ด อยู่เวร จะเลี้ยงลูกยังไง จ้างพี่เลี้ยงเต็มเวลาเหรอ ไว้ใจได้แค่ไหนถ้าไม่อยู่ด้วย ค่าใช้จ่ายละ ตอนนี้ คงต้องยอมรับความจริง บอกพ่อแม่ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ถ้าพ่อให้เลิก ก็ลองคุยดูว่าอยากให้หลานเป็นเด็กไม่มีพ่อเหรอ อาจจะยอมใจอ่อน แต่ก็คงโกรธกันนาน เวลาช่วยได้ทุกอย่างครับ
ปล ขอแรง ๆ นะ ปกติไม่ค่อยอยากตอบเชิงลบ
แฟนคุณใช้ไม่ได้เลย คิดว่าเก่ง คิดว่าแน่ ไม่ยอมให้เอาเด็กออก แต่ไม่มีความสามารถที่จะเลี้ยงดู ฝันเฟื่ยงถึงเงินที่ยังหาไม่ได้ ไม่เคารพการตัดสินใจของคุณ ไม่รับรู้ถึงความเครียดของคุณเลย แทนที่จะช่วยกันหาทางออก กลับจะเอาแต่ได้ แต่รับผิดชอบไม่ไหว จะมาทะเลาะกับคุณทำไม ไม่ได้เรื่อง ความเห็นส่วนตัว ถ้าผมเจอแบบนี้ ต้องรับความจริง บอกพ่อแม่ให้รับทราบ ช่วยกันหาทางออกในการเลี้ยงเด็ก คุณอาจจะดรอป 1 ปีก่อน แล้วค่อยมาเรียน หรือลาคลอดถ้าอาจารย์ยอม แล้วมาเรียนชดเชยทีหลัง ให้พ่อแม่ช่วยเลี้ยงช่วงที่เรียนหนัก ส่วนพ่อดุคงต้องทำใจยอมรับที่ท่านจะดุ อาจจะต้องยอมท่านไปก่อน ถ้ายังไม่อยากเลิกกับแฟน ก็ค่อย ๆ หาทางตะล่อมเอาหลานมาเป็นข้ออ้าง และแฟนคุณ ก็ควรจะต้องไปพบพ่อแม่คุณเพื่อแสดงความจริงใจด้วย ไม่ใช่กลัวจนหลบหน้า กล้าทำ ก็ต้องกล้ารับ ครับ
แสดงความคิดเห็น
ตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจระหว่างเรียน แฟนไม่ให้บอกใคร เครียดและกลัวอนาคตมาก ควรทำยังไงดีคะ?
แต่เกิดตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ หลังกลับจากต่างประเทศกับแฟนช่วงปิดเทอมวันนั้นพวกเราเผลอให้กัน แต่มีการป้องกันแล้วนะคะ ไข่ก็ไม่ได้ตกวันนั้นด้วย
จนตอนนี้ท้องมาประมาณ 5 เดือนกว่าแล้วค่ะ
แฟนเป็นรุ่นพี่ 1 ปี คบกันมา 5-6 ปีค่ะ กำลังเรียนบริหารและทำงานไปด้วย เงินเดือนประมาณ 30,000 บาท มีภาระผ่อนรถเดือนละ 10,000
ตอนแรกเขาไม่ยอมให้เรายุติการตั้งครรภ์ บอกว่าจะรับผิดชอบและวางแผนจะเปิดธุรกิจให้ในอนาคต
แต่ตอนนี้ทุกอย่างยังไม่เป็นรูปเป็นร่างค่ะ เราได้แต่คิดแค่ว่าหาเงินจากตรงนี้ได้เยอะเมื่อไรจะเอากลับไปให้ครอบครัว
ช่วงแรกของการตั้งครรภ์เรามีอาการแพ้หนักมาก เป็นลม ปวดหัว มือสั่น
แต่แฟนไม่พาไปหาหมอสักครั้ง เพิ่งได้เริ่มฝากครรภ์จริง ๆ ตอนเข้าเดือนที่ 5
ตอนนี้เพิ่งได้รับยาบำรุงจากหมอค่ะ กลัวลูกเสี่ยงจะเป็นนั่นนี่มากๆ
เขาไม่ให้เราปรึกษาใครเลย เพราะกลัวว่าถ้าครอบครัวรู้จะโกรธและมองไม่ดี
(คุณพ่อคุณแม่เรากับคุณพ่อคุณแม่แฟนเป็นข้าราชการทั้งคู่ค่ะ โดยเฉพาะคุณพ่อแฟนเคยเป็นทหารตอนนี้ท่านเกษียณแล้ว แต่ท่านดุมาก)
เราก็เลยเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว พยายามเรียนต่อให้ปกติ ใช้ชีวิตปกติ ทั้งที่ในใจเครียดมากและเหนื่อยมาก
วันหนึ่งเราทนไม่ไหวเลยแอบปรึกษาคุณน้าของแฟน
ไม่ได้ขอเงินหรืออะไรเลยนะคะ แค่ปรึกษาเรื่องความเครียดเฉย ๆ และก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าคุณน้าทราบแล้วจะโกรธเกลียดเรากับลูกไหม
แต่คุณน้าก็ให้คำแนะนำดีมากค่ะ แต่พอแฟนรู้กลับโกรธมากเช่นกัน
ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่กล้าปรึกษาใครอีกเลย
ช่วงหลังนี้คุณแม่ของเราก็เริ่มสังเกตได้
วันก่อนท่านเดินมาถามตรง ๆ ว่า “หนูเครียดเหรอ มีอะไรให้พ่อแม่ช่วยไหม”
ตอนนั้นเราเกือบหลุดร้องไห้ออกมา แต่ก็ได้แค่ตอบว่า “ก็มีบ้างค่ะ แต่ไม่เป็นไร”
ทั้งที่จริง ๆ อยากกอดท่านแล้วพูดความจริงมาก ๆ แต่เรารู้ดีว่าถ้าคุณพ่อรู้ว่าแฟนทำเราท้องคุณพ่อไม่ไว้แน่ อาจมีการใช้กำลังหรือให้เราเลิกกันเลย
พอแฟนก็รู้ว่าเราพูดกับคุณแม่ประมาณนี้แฟนก็ไม่พอใจอีกค่ะ
เรารู้ว่าถ้าบอกตอนนี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหมดแน่ ๆ
แต่ก็กลัวว่าจะไม่มีใครมาช่วยเลี้ยงลูกถ้าไม่บอกคุณพ่อคุณแม่ (ไม่ได้จะให้คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงนะคะ แต่อยากจ้างพี่เลี้ยง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายค่ะ)
พอคิดเรื่องนี้ทุกวัน เราก็ยิ่งเครียด กินได้น้อย หลับยาก ร้องไห้คนเดียวบ่อยอาทิตย์ละ 5 วันได้
จนตอนนี้น้ำหนักแทบไม่ขึ้นเลย ไม่เหมือนคนท้อง จนคุณหมอบอกให้เพิ่มน้ำหนักเดือนละ 3 กิโล แต่ลูกในท้องน้ำหนักดีทุกเดือนนะคะ
ถามหน่อยค่ะ
เราควรบอกท่านตอนนี้ไหม หรือควรเก็บไว้จนคลอดก่อนดี
เพราะแฟนก็ยังไม่พร้อมทั้งเรื่องเงินและการแต่งงาน เราอยู่ตรงกลางของเรื่องนี้ เรามองเห็นทุกอย่างเลยว่าใครจะเหนื่อยเพราะเราบ้าง
เราแค่ไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่ผิดหวัง แต่ก็กลัวจะทนไม่ไหวเหมือนกันค่ะ ในวันคลอดคงจะเหงามาก และกลัวมากๆ มีแอบคิดอยากหายไปแต่ลูกยังอยู่ในท้องอยู่เลย หรือถึงลูกเกิดมาแล้วเราก็หายไปไม่ได้จริงๆค่ะ
ขอบคุณทุกคนล่วงหน้าที่อ่านจนจบนะคะ 🤍
ตอนนี้เราแค่ต้องการกำลังใจและคำแนะนำจากใครสักคนค่ะ
***หนูขออนุญาตเพิ่มเติมข้อนึงที่ทำให้หนูกลัวการสารภาพกับคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะคะ
ถ้าพี่สาวเราพูดว่า ”ถ้าเกิดอะไรขึ้นห้ามบอกใครว่าชั้นรู้เห็นนะ แล้วถึงจะพยายามทำดีกับพ่อแม่ยังไง หาเงินมาให้กี่ล้านพ่อแม่ก็ไม่มีวันหายโกรธหรอก พ่อแม่อาจไม่ส่งเรียนหรือตัดขาดเลยก็ได้ แต่ขออย่างเดียว อย่าเอามาเกี่ยวกับชั้น”
ตอนมัธยมเราเคยโดนบูลลี่หนักมากๆ แล้วไปพึ่งพี่สาว ขอนั่งกินข้าวด้วย พี่ก็บอกแต่ว่า “อย่ามานั่ง เดี๋ยวเพื่อนพี่หายหมดตอนนี้ทุกคนรู้ว่าเรากำลังโดน ให้อยู่คนเดียวไปก่อน” เรารู้ว่าตัวเองผิดหรือไม่ผิดอะไรแต่ก็ต้องขอโทษทุกคนแล้วพยายามสอบห้องพิเศษโรงเรียนใหม่ให้ติดเพื่อหนีตรงนี้ พอเราย้ายโรงเรียน แล้วคนที่เคยบูลลี่เรามองไม่ดีใส่พี่พี่ก็เอามาด่าว่าเป็นเพราะเรา แบบตะโกนด่าหยาบคายด้วย ซึ่งคุณพ่อก็ออกแนวไปทางเห็นด้วยกับที่พี่พูด เคยมีการใช้กำลังกับเราแรงมากๆด้วย ไม่พอหักโทรศัพท์ทิ้ง มันค่อนข้างติดตามากเวลาคิดถึงตอนนั้นทีไรผวาไปหมด หรือตอนมีเรื่องคนตามบูลลี่ไม่หยุด ส่งข้อความเชิงแทะโลมมาหา เราทั้งบล็อกหนีทั้งย้ายบัญชีก็ยังจะตาม พอขอแจ้งความทั้งคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ให้แจ้งเลยค่ะ เขาอยากจะด่าหรือเล่าต่อก็ทำไปแบบนั้น จนมาสอบติดมหาลัยตามคณะที่คุณพ่อคุณแม่ท่านอยากให้เรียนมากก็เกิดเหตุการณ์ในกระทู้ขึ้นค่ะ พี่ไม่ค่อยชอบแฟนเรา เกิดอะไรขึ้นนิดนึงก็จะชอบไปเล่าเรื่องไม่ดีเล็กๆน้อยๆของแฟนให้คุณพ่อคุณแม่ฟัง ท่านน่าจะอคติมาก ส่วนแฟนพี่เราไม่เคยไปแตะต้องเลยค่ะ
ตอนนี้อยากรู้ว่าคุณพ่อคุณแม่มีแนวคิดเปลี่ยนไปแล้วยัง ถ้าพร้อมรับฟังหนูพร้อมบอกมาก แต่จะพยายามไม่เอาปัญหาทั้งหมดมาวางไว้ให้พ่อแม่แก้ทั้งหมดค่ะ หนูทำเองต้องรับผิดชอบตัวเอง แค่หนูต้องการความอบอุ่นและคำแนะนำให้ไม่พอเหงาแบบนี้
ส่วนเรื่องเรียนคุณพ่อคุณแม่กับพี่สาวคุยกันถูกคอ เพราะเรียนสายวิชาชีพเดียวกัน หนูมองแล้วก็ดีใจด้วยกับสิ่งที่พี่เจอนะ พี่บอกว่าเรียนมีความสุขมากตลอด ส่วนหนูเรียนยากไปหมด พูดเนื้อหาเล็กน้อยก็ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครเข้าใจ บอกว่ามันยาก ทีพี่อยากพ่นอะไรมาหนูก็ฟังหมดไม่ได้มองว่าแค่นี้ฉันก็รู้ มีแค่คุณแม่ที่ยังรับฟังค่ะ มีวันนึงโทรกับคุณแม่อยู่ดีๆก็ร้องไห้เพราะเหนื่อยจากการอ่านหนังสือมาแล้วทั้งวัน 8 ชั่วโมง ตอนนั้นมีข้อความจากอามาแจ้งจ้งว่ามีควิซตอนเช้า วันนั้น 2-3 ทุ่มต้องอ่านหนังสือต่อไปอีก 139 หน้า หนูเข้าใจความยากนะ ถ้าหนูยากเพื่อนๆหนูก็ต้องยากไม่ต่างกันค่ะ แค่หนูอยากให้มีคนในครอบครัวเข้าใจความเหนื่อยที่หนูเจอ ถามไถ่บ้างก็ยังดี มีแต่พูดว่าหนูเป็นคนแรกในวงญาติที่ได้เรียนคณะนี้ หรือตั้งแต่เด็กเป็นตัวแทนโรงเรียนไประดับประเทศหลายครั้ง พออยากเข้าห้องพิเศษก็สอบติดทุกครั้ง หนูได้ฟังแล้วก็เกิดความคิดสองแบบ 1.ขนาดนั้นเลยหรอ น่าจะพูดให้หนูสู้และอดทน 2.ในการเรียนของหนูไม่ได้มีหนูอยู่ในสมการเพียงคนเดียว